DITP’s Strategies and Plans for 2022

ยุทธศาสตร์และแผนงาน DITP ปี 2565

สัมภาษณ์พิเศษ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

DITP จะจัดอีเวนต์ 159 งาน เพื่อส่งเสริมการค้าในปี 2565

DITP จะโปรโมตการตลาดแบบไฮบริดเพื่อเปิดตลาดและสร้างเครือข่ายการค้า

ธุรกิจจะต้องปรับตัวให้เท่าทันโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

แนวทางการทำงานในปีหน้า

ในปี 2565 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ยังคงเดินหน้ายุทธศาสตร์ “การตลาดนำการผลิต” ตามนโยบายหลักของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ที่มอบหมายทูตพาณิชย์ในฐานะเซลส์แมนประเทศ เร่งเชื่อมโยงความต้องการของตลาดโลกให้แก่ผู้ส่งออกของไทย โดยบูรณาการการทำงานอย่างเข้มข้นกับพาณิชย์จังหวัด ในฐานะเซลส์แมนจังหวัด เพื่อหาโอกาสให้กับสินค้าท้องถิ่นสู่ตลาดโลก (from Local to Global) รวมทั้งเน้นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยียุคใหม่มาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการส่งออกในยุค New Normal

ในส่วนของตลาดส่งออก จะมุ่งรักษาตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพการนำเข้าสูง แต่ไทยส่งออกไปได้น้อยกว่าศักยภาพ และยังสามารถเพิ่มมูลค่าส่งออกได้อีก โดยจะเร่งจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าให้ผู้ประกอบการไทยในรูปแบบผสมผสานทั้ง Online & Offline โดยเฉพาะการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยใช้ช่องทางแพลตฟอร์ม e-Commerce ในการเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลก การยกระดับให้บริการเจรจาการค้าแบบ Smart OBM โดยการนำระบบ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการจับคู่เจรจาธุรกิจให้มีความแม่นยำ เพื่อสนับสนุนให้เกิดมูลค่าการซื้อขายมากยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ จะให้ความสำคัญกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ โดยจะเร่งพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจด้วยโมเดล “BCG: Bio Circular Green Economy” หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นในการสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการ สินค้าและบริการ หาช่องทางการตลาดในต่างประเทศรวมทั้งประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ เพิ่ม GDP และเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการทุกระดับ

แผนงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยในปี 2565

กรมมีแผนที่จะดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในปี 2565 รวม 159 กิจกรรม แบ่งเป็นกิจกรรมภายในประเทศ 74 กิจกรรมและต่างประเทศใน 6 ภูมิภาค รวม 85 กิจกรรม ครอบคลุมภารกิจการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในเวทีการค้าระหว่างประเทศทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาผู้ประกอบการ สินค้าและบริการ ช่องทางการตลาด อาทิ การจัดแสดงสินค้าในต่างประเทศ การพาผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งจะมีทั้งแบบไปร่วมงานของผู้จัดในต่างประเทศ งานที่กรมเป็นผู้จัดขึ้นเองในต่างประเทศ เช่น TOP THAI Brands, Mini Thailand Weeks หรือการให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมงานผ่านโครงการ SMEs pro-Active การจัดคณะผู้แทนการค้าเยือนต่างประเทศ (Trade Mission) การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ/สินค้าและบริการของไทยแบบครบวงจร และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าทั้งรูปแบบออฟไลน์/ออนไลน์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มการดำเนินงานบางส่วนเพื่อให้การทำงานสัมฤทธิ์ผลมากขึ้น ดังนี้

  1. เพิ่มความเข้มข้นการทำงานร่วมกับภาคเอกชน โดยกรมจะจัดการประชุมกับภาคเอกชนรายคลัสเตอร์ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์การส่งออกรายสินค้า/บริการสำคัญ นอกจากนี้ จะมีการจัดประชุมกระชับความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาคมผู้นำเข้า/ผู้ค้าต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยและในต่างประเทศ รวมทั้งจะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการค้าระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ (Honorary Trade Advisor to the Ministry of Commerce: HTA) ที่มีทั่วโลกให้มากขึ้น
  2. ผลักดันการส่งออกสินค้า BCG สินค้านวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรมและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในยุค Next-Normal เน้นให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
  3. สร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่นกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ผ่านโครงการ “Thailand Global Business Partners” เพื่อให้เกียรติแก่ผู้นำเข้าและการยกย่องให้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของประเทศไทยอันเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิม รวมทั้งดึงดูดผู้นำเข้ารายใหม่ให้เข้าร่วมกิจกรรม
  4. ใช้สื่อออนไลน์สมัยใหม่ในการเผยแพร่ข้อมูลการค้าของกรมให้มากขึ้น อาทิ ในรูปแบบ Podcast หรือ Online TV Channel ซึ่งเป็นรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยม เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยตื่นตัวในการหาความรู้และเข้าถึงข้อมูลสถานการณ์ของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งข้อมูลแนวโน้มการตลาด/ความต้องการของผู้บริโภคเชิงลึก กฎระเบียบด้านการค้า ฯลฯ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก
  5. ส่งเสริมการทำตลาดแบบผสมผสาน Hybrid เพื่อเปิดตลาด กระชับความสัมพันธ์ และสร้างเครือข่ายธุรกิจ ซึ่งจะมีการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านกิจกรรมทั้งออฟไลน์ที่มีการปรับรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัยและกิจกรรมออนไลน์ที่จะส่งเสริมพาณิชย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกิจกรรม Smart OBM และ Virtual Trade Show นอกจากนี้จะพัฒนา Infrastructure ของระบบการให้บริการดิจิทัลของกรมให้สอดคล้องกับการทำงานและการให้บริการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  6. สำรวจความเชื่อมั่นของผู้นำเข้าในต่างประเทศ รวมทั้งการศึกษาตลาดและสำรวจพฤติกรรมการสั่งซื้อและการบริโภคเชิงลึก เพื่อนำข้อมูลความคิดเห็นต่อสินค้าและบริการของไทยมาวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและคาดการณ์การส่งออก
  7. ส่งเสริมการจับคู่ธุรกิจสนับสนุน (Supporting Business) กับผู้ประกอบการส่งออก เพื่อเติมเต็มศักยภาพและลดต้นทุนของผู้ประกอบการส่งออกในเวทีการค้าโลก โดยจัดเวทีให้ผู้ประกอบการส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้มีโอกาสพบผู้ประกอบการในธุรกิจสนับสนุน อาทิ นวัตกร นักการตลาด ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ นักออกแบบ ผู้ให้บริการกราฟิกดีไซน์ ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ผู้ให้บริการการขนส่ง ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสนับสนุน ฯลฯ เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการออกสู่ตลาดต่างประเทศ